นับเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เปิดการซื้อขายสินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Cross-border Products) และตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ถือเป็นข่าวดีของนักลงทุนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดให้ซื้อขายสินค้าเหล่านี้ได้ตลอดเวลาทำการ โดยไม่มีช่วงพักกลางวันเหมือนสินค้าอื่น ๆ รายละเอียดจะเป็นอย่างไร และมีข้อควรระวังอะไรบ้างในการซื้อขายสินค้าเหล่านี้ ไปหาคำตอบด้วยกันดีกว่าครับ...
สินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศ มีอะไรบ้าง
ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดทำการซื้อขายสินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศ 3 ประเภท ได้แก่
กองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange-Traded Fund: ETF) ได้แก่ CHINA ซึ่งเป็น ETF ที่ลงทุนในกองทุนที่อ้างอิงดัชนี CSI 300 Index (W.I.S.E. – CSI 300 China Tracker ETF)
ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depository Receipt: DR) ได้แก่ E1VFVN3001 ซึ่งเป็น DR ที่อ้างอิงกองทุน ETF ที่อ้างอิงดัชนี VN30 (VFMVN30 ETF)
ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants: DW)[1] ได้แก่ HSI DW ซึ่งเป็น DW ที่อ้างอิงดัชนี Hang Seng Index
ทำความเข้าใจเวลาทำการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ
เวลาทำการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ มี 2 ช่วง
ช่วงเช้าจะเริ่มจาก Pre-opening ตั้งแต่ 09.30 น. แล้วจึงสุ่มเลือกเวลาเปิดช่วงเช้าระหว่าง 09.55-10.00 น. และเปิดทำการซื้อขายไปจนถึง 12.30 น.
ช่วงบ่ายจะเริ่มจาก Pre-opening ตั้งแต่ 14.00 น. แล้วจึงสุ่มเลือกเวลาเปิดช่วงบ่ายระหว่าง 14.25-14.30 น. และเปิดทำการซื้อขายไปจนถึง 16.30 น.
และปิดท้ายวันทำการด้วยการสุ่มเลือกเวลาปิดระหว่าง 16.35-16.40 น. แต่สำหรับสินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวถึงข้างต้น จะสามารถทำการซื้อขายได้ตลอดเวลาทำการตั้งแต่ 10.00-16.30 น. ของทุกวันทำการ ทั้งนี้ เพื่อให้ราคาของสินค้าเหล่านี้สะท้อนราคาของหลักทรัพย์อ้างอิงในตลาดต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
ข้อควรระวังในการซื้อขายสินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศ
แม้ว่าสินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศ จะเป็นอีกช่องทางในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากหลักทรัพย์ในประเทศ แต่สิ่งสำคัญที่ผู้ลงทุนต้องคำนึงถึงในการซื้อขายสินค้าเหล่านี้ก็คือ ความเสี่ยงที่ย่อมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการลงทุนในหลักทรัพย์ในประเทศ หรือสินค้าที่อ้างอิงหลักทรัพย์ในประเทศ ตัวอย่างของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ได้แก่
ความเสี่ยงเกี่ยวกับการอ้างอิงดัชนีหลักทรัพย์ต่างประเทศ/ผู้ออกหลักทรัพย์ต่างประเทศ หากวิธีการคำนวณหรือสัดส่วนของหลักทรัพย์องค์ประกอบของดัชนีหลักทรัพย์อ้างอิงมีการเปลี่ยนแปลง หรือดัชนีหลักทรัพย์อ้างอิงถูกยกเลิกการคำนวณ หรือเกิดเหตุการณ์บางประการกับบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์นั้น เช่น การล้มละลาย การควบรวมกิจการ ซึ่งรวมถึงการกระทำต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างเงินทุน (Corporate Actions) เช่น การจ่ายปันผลเป็นหุ้น (Stock Dividend) การจัดสรรหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering: RO) อาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนจากการคำนวณเงินสดส่วนต่าง (สำหรับ DW) หรือการซื้อขายหลักทรัพย์ที่อ้างอิงดัชนีหลักทรัพย์หรือหลักทรัพย์นั้น ๆ ได้
ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากการลงทุนในสินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศ คำนวณจากผลตอบแทนของหลักทรัพย์อ้างอิงนั้น ๆ ซึ่งใช้สกุลเงินท้องถิ่น จึงมีอัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้น เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลง อาจส่งผลให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้
ความเสี่ยงด้านความแตกต่างของเวลาทำการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดทำการในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ของหลักทรัพย์อ้างอิงเปิดทำการ ผู้ลงทุนจะไม่สามารถซื้อขาย DR ที่อ้างอิงหลักทรัพย์นั้นได้ เช่น แม้ว่า Ho Chi Minh City Stock Exchange จะเปิดทำการเวลา 09.15 น. (ตรงกับประเทศไทย) แต่ผู้ลงทุนก็ไม่สามารถซื้อขาย E1VFVN3001 ระหว่างเวลา 09.15-10.00 น. ได้ สำหรับ DW นั้น ในช่วงเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์ของหลักทรัพย์อ้างอิงปิดทำการ การดูแลสภาพคล่องจะไม่สามารถกระทำได้ เช่น Hong Kong Futures Exchange มีช่วงเวลาพักกลางวันระหว่างเวลา 12.00-13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 11.00-12.00 น. ในประเทศไทย) ก็จะไม่มีการสร้างสภาพคล่องสำหรับ HSI DW ในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้ลงทุนถือ DW จนครบกำหนดอายุในสภาวะได้เปรียบในการทำเงิน (In-the-Money) นั่นคือราคาสินค้าอ้างอิงสูงกว่าราคาใช้สิทธิ สำหรับ Call DW หรือราคาสินค้าอ้างอิงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ สำหรับ Put DW เงินสดส่วนต่างที่ได้รับจะต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้ โดยถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 และไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายได้
ถึงตรงนี้ บรรดาผู้ลงทุนก็คงจะเห็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากสินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศทั้ง 3 ประเภทกันแล้ว แต่ในการลงทุนก็ต้องระมัดระวังความเสี่ยงของหลักทรัพย์เหล่านี้เช่นกัน ดังนั้น ผมขอปิดท้ายเรื่องนี้ด้วยประโยคยอดฮิตของโฆษณาผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนที่ทุกคนไม่ควรลืม นั่นคือ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน นะครับ...
ติดต่อผู้เขียนได้ที่ www.facebook.com/vinaya.chysirichote หรือ LINE: vinayachy
อ้างอิง
ประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 7/2558 เรื่อง การกำหนดประเภทหลักทรัพย์เพิ่มเติม (ฉบับที่ 9) ข้อ 3-4
ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 15/2553 เรื่อง การออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ข้อ 45/1
ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 16/2558 เรื่อง การออกและเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ประเภทตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ ข้อ 29 (1)
ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทน. 87/2558 เรื่อง การลงทุนของกองทุน ภาคผนวก 2 การจัดแบ่งประเภทของกองทุน ส่วนที่ 2 ข้อ 2.9
ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทน. 88/2558 เรื่อง การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไปและเพื่อผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อย และการเข้าทำสัญญารับจัดการกองทุนส่วนบุคคล ข้อ 11
ประกาศสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ สจ. 9/2559 เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำสรุปข้อมูลสำคัญของตราสาร
ประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง วิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการซื้อขาย การชำระราคา และการส่งมอบหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2560 ข้อ 47-48
แนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับการซื้อขาย การชำระราคา และการส่งมอบหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ข้อ 4-5
หนังสือกรมสรรพากร ที่ กค 0725/8113 เรื่อง แนวทางการจัดเก็บภาษีใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2546
ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ฉบับที่ 3/2563
#สินค้าอ้างอิงหลักทรัพย์ต่างประเทศ #CrossBorderProducts #ExchangeTradedFund #ETF #DepositoryReceipt #DR #DerivativeWarrant #DW #SiamWealthManagement #VinayaChy
[1] ต่อมาได้เปิดทำการซื้อขาย DW ที่อ้างอิงดัชนีหลักทรัพย์ต่างประเทศเพิ่มเติม ดังนี้
เดือนกันยายน 2563 เปิดทำการซื้อขาย SPX DW ซึ่งเป็น DW ที่อ้างอิงดัชนี S&P500® Index
เดือนมกราคม 2564 เปิดทำการซื้อขาย NDX DW ซึ่งเป็น DW ที่อ้างอิงดัชนี NASDAQ-100 Index
เดือนพฤษภาคม 2564 เปิดทำการซื้อขาย DJI DW ซึ่งเป็น DW ที่อ้างอิงดัชนี Dow Jones Industrial Average
Comments